5 วิธีในการปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์ล้ำๆ ภายในตัวคุณ (5 Ways to Unlock Your Inner Creativity)

Last updated: 19 ก.พ. 2563  | 

วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 - 15:03 น.


ด้วยการฝึกฝน (practice) และการช่วยเหลือส่งเสริม (nurturing) คุณสามารถฝึกฝนตนเองให้เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นได้ ความคิดสร้างสรรค์ไม่ได้มีความสำคัญต่องานที่ "สร้างสรรค์" เท่านั้น ในการวิจัยของ IBM ซีอีโอประมาณ 60% ของโพล (การเก็บรวบรวมข้อมูล) CEO กล่าวสนับสนุนถึงความคิดสร้างสรรค์เป็นคุณภาพความเป็นผู้นำที่สำคัญที่สุด เปรียบเทียบกับ 52% สำหรับการยึดมั่นในความซื่อสัตย์และ 35% สำหรับความคิดระดับโลกคือตระหนักถึงโลกใบนี้  ทำไม? เพราะความคิดสร้างสรรค์ช่วยให้ผู้คนสามารถแก้ปัญหาและตอบสนองต่อความท้าทายซึ่งเกิดขึ้นกับความคิดเชิงนวัตกรรม (innovative idea)



หากคุณต้องการเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ของคุณ นั่นคือข่าวดี! ความคิดสร้างสรรค์ไม่ใช่สิ่งที่คุณเพิ่งเกิดขึ้นมา ด้วยการฝึกฝนและการช่วยเหลือส่งเสริมจึงจะสามารถฝึกฝนตัวเองให้เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น จงเรียนรู้ที่จะคิดนอกกรอบและปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์ภายในของคุณ ด้วยการทำสิ่งเหล่านี้


1. ลองทำสิ่งใหม่ๆ (Try new things)

การติดอยู่กับการทำสิ่งเดียวกันซ้ำๆ อยู่บ่อยครั้ง ทำให้คุณขาดความคิดสร้างสรรค์ หากต้องการเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ของคุณสิ่งสำคัญคือการผสมผสานสิ่งต่างๆ การได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ ทำให้คุณไม่เบื่อและขับเคี่ยวให้คุณพัฒนา

ดังนั้นการทำมุมมองของคุณให้กว้างขึ้น เช่นอ่านหนังสือสารคดีเกี่ยวกับความฉลาดแสนรู้ของนก หรือลงเรียนหลักสูตรออนไลน์เกี่ยวกับการทำเกษตรอินทรีย์  ยิ่งคุณออกไปนอก comfort zone (ที่อยู่แล้วสบาย ไม่ต้องดิ้นรนอะไร) ของคุณมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งได้เรียนรู้มากขึ้นเท่านั้น เพราะทำให้คุณได้เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิต ได้คิดการใหญ่ ในขณะที่หัวข้อที่คุณเรียนรู้อาจดูเหมือนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชีพของคุณ แต่ข้อมูลเชิงลึกที่คุณได้รับจากหัวข้อเหล่านี้ช่วยส่งอิทธิพลต่อในด้านอื่นๆ ได้

นี่คือสิ่งที่ Dr. Robert Epstein  หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโลกด้านความคิดสร้างสรรค์ได้สาธิตให้เห็นถึงเกมการสร้างสรรค์ของเขาที่เรียกว่า “The experts” เกมนี้สอนคุณค่าของการขยายความรู้ของคุณ ซึ่งในเกมนี้มีคนไม่กี่คนในกลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญในสิ่งที่คลุมเครือมากและถูกขอให้บรรยายห้านาทีเกี่ยวกับความรู้เฉพาะของพวกเขา จากนั้นสมาชิกคนอื่นๆ ในกลุ่มจะถูกขอให้คิดไอเดียผลิตภัณฑ์ใหม่โดยอิงจากความรู้ใหม่ที่คลุมเครือที่พวกเขาเพิ่งเรียนรู้  การเรียนรู้เกี่ยวกับหัวข้อที่หลากหลาย การได้ลองทำกิจกรรมใหม่ ๆ หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนตารางงานหรือพื้นที่ทำงานของคุณจะทำให้ส่วนสำคัญของความคิดสร้างสรรค์ลื่นไหล

 

2. ใช้เวลาฝันกลางวันให้มากขึ้น (Spend more time daydreaming)

คุณเคยได้ยินวลีที่ว่า “ออกจากโลกแห่งความฝัน” (Get your head out of the clouds) หรือไม่ ? มีหลายคนที่หมดกำลังใจจากการฝันกลางวัน ความคิดฟุ้งๆ ที่สร้างภาพสวยงามจากจินตนาการเพราะมันถูกมองว่าเป็นกิจกรรมที่ทำให้คุณมีประสิทธิผลน้อยลงและมีสมาธิน้อยลง เป็นเรื่องเพ้อฝัน เพ้อเจ้อ แต่ทว่าการฝันกลางวันเป็นสิ่งสำคัญหากคุณต้องการปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์ภายในของคุณ เมื่อคุณฝันกลางวันได้อย่างเสรีไม่มีข้อจำกัด คุณจะสามารถคิดไอเดียใหม่ๆ ได้ทุกประเภท ในความเป็นจริงจากการศึกษาแบบปล่อยสมอง ความคิดโดยไม่ต้องไปโฟกัสกับสิ่งที่ทำอยู่ในวารสารจิตวิทยาการทดลองของแคนาดา (the Canadian Journal of Experimental Psychology ) ระบุว่าเมื่อผู้คนมีงานที่ใช้สมองหนักต้องทำและได้รับการหยุดพักเพื่อให้ฝันกลางวัน การตอบสนองของพวกเขาจะมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น

ดังนั้นจงใช้เวลาในการฝันกลางวันเพื่อจินตนาการให้มากขึ้น เมื่อคุณรู้สึกเบื่อหน่ายและพบว่าตัวเองกำลังเอื้อมมือไปหาโทรศัพท์เพื่อความบันเทิง หยุดตัวเองและปล่อยสมอง ความคิดให้ฟุ้งๆ ไม่ต้องไปโฟกัสกับสิ่งที่ทำอยู่โดยไม่ทำให้ภาวะจิตใจว้าวุ่นแทน เมื่อคุณให้ความสนใจ มุ่งเน้นไปที่การฝันกลางวัน คุณสามารถค้นพบโลกใหม่ของความคิดสร้างสรรค์และการแก้ปัญหา

 

3. จดบันทึกความคิดของคุณ (Write down your ideas)

เพื่อการนำความคิดสร้างสรรค์ของคุณออกมา คุณต้องนำความคิดจากภายในจิตใจออกมาสู่กระดาษ โดยเริ่มเขียนแนวคิดทั้งหมดของคุณลงบนกระดาษไม่ว่าแนวคิดเหล่านั้นจะดูเหมือนว่าไร้เหตุผลหรือเป็นไปไม่ได้ ในขณะที่คุณอาจมีแนวคิดที่ไม่ดีหลายร้อยรายการบนหน้ากระดาษก็อาจมีบางสิ่งที่ดีอยู่ในนั้นเช่นกัน

นอกจากนี้การฝึกเขียนความคิดของคุณจะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะการคิดสร้างสรรค์ ซึ่งกระบวนการในการเขียนความคิดของคุณนั้นจะช่วยฝึกสมองของคุณเพื่อให้ทันกับความคิดใหม่ๆ  ซึ่งนักเขียนและเจ้าของบริษัท ครีเอทีฟ Todd Henry เห็นด้วยว่าการเขียนนั้นช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ และมีส่วนช่วยในงานเขียนเรื่อง Manage Your Day-to-Day ของเขา  Henry บอกว่า “เมื่อคุณให้สิทธิ์ยินยอมกับตัวเองบ่อยครั้งในการสำรวจ  “โอกาสจากจุดร่วม (adjacent possible)” โดยไม่มีข้อจำกัดว่าจะนำไปสู่อะไร นั่นคือคุณเพิ่มโอกาสในการพัฒนาอย่างสร้างสรรค์ในทุกด้านของชีวิตและการทำงานของคุณ”  ดังนั้นอะไรคือสิ่งที่คุณรอคอย? ใช้ notepad จดบันทึกและเริ่มฝึกสมองของคุณให้มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น

 

4. ล้อมรอบตัวเองด้วยผู้คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ (Surround yourself with creative people)

มีการกล่าวกันว่าความคิดสร้างสรรค์ (creativity) นั้นติดต่อกันได้ ในความเป็นจริงตามข้อมูลจากสื่อออนไลน์ ScienceDaily  ระบุว่า "กลุ่มผู้นำสามารถปลูกฝังผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขาด้วยความคิดสร้างสรรค์และความมั่นใจเพียงแค่พวกเขาทำตัวเป็นตัวอย่างนั้น" ดังนั้นหากคุณต้องการปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์ภายในของคุณ คุณต้องล้อมรอบตัวเองด้วยผู้คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ เมื่อได้ออกไปเที่ยว สังสรรค์เฮฮาและอยู่กับคนที่มีความคิดสร้างสรรค์เป็นประจำ ความคิดและพฤติกรรมของพวกเขาส่งอิทธิพลต่อให้กับคุณซึ่งจะเป็นแรงบันดาลใจให้คุณรวมถึงกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของคุณเอง 

ทั้งๆ ที่คุณอาจมีเพื่อนร่วมงานที่สร้างสรรค์จำนวนมากมายที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คุณ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาเวลาที่จะได้ทำงานร่วมกับพวกเขาในเวลาทำการหรือหลังเลิกงาน ดังนั้นจงเฝ้ามองชุมชนสร้างสรรค์ที่คุณสามารถมีส่วนร่วมในช่วงเวลาว่างของคุณ ซึ่งคุณสามารถใช้เว็บไซต์เช่น Meetup.com เพื่อค้นหากลุ่มสร้างสรรค์ในพื้นที่ของคุณ คุณสามารถค้นหากลุ่มสำหรับการเขียนเชิงสร้างสรรค์ ภาพถ่ายศิลปะและงานฝีมือเทคโนโลยีและอีกมากมาย

 

5. คุณเป็นผู้บงการและควบคุมความคิดสร้างสรรค์ของคุณ (You're in control of your creativity)

ด้วยเคล็ดลับเหล่านี้และการฝึกฝนเล็กๆ น้อยๆ ความคิดสร้างสรรค์ของคุณจะเริ่มต้นเฟื่องฟูได้ และในที่สุดเมื่อคุณปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์ภายในของคุณลงได้ คุณจะค้นพบทักษะและความสามารถที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณก็มีของดีเหล่านั้นอยู่ในตัวคุณ



Source: 

Entrepreneur / Feb. 14, 2020

By: Syed Balkhi

https://www.entrepreneur.com/article/346068